สาเหตุที่คุณไม่ควรลงทุนกับเงินดิจิตอลที่เป็นแชร์ลูกโซ่

เมื่อเร็วๆนี้ที่ผ่านมาได้มีข่าวเงินดิจิตอลที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นแชร์ลูกโซ่และได้มีการถกเถียงกันในประเด็นนี้มากมาย แต่ละฝ่ายให้เหตุผลไม่เหมือนกันโดยในวันนี้ผมจะมาเจาะประเด็นว่าเงินดิจิตอลที่ถูกกล่าวหาว่ามันเป็นแชร์ลูกโซ่ทำไม่ถึงมีความอันตรายและไม่ควรลงทุนกับมัน ซึ่งทางเราเคยให้วิธีสังเกตุเงินดิจิตอลที่เป็นแชร์ลูกโซ่และประเด็นที่เกี่ยวกับข้ออ้างที่แม่ทีมแชร์ลูกโซ่มักเอาไว้ใช้หาสมาชิกเพิ่มมาแล้ว

มารู้จักแชร์ลูกโซ่กัน

ขอบคุณรูปภาพจาก http://www.moneyandbanking.co.th/
จริงๆแล้วคำว่าแชร์ลูกโซ่กับคำว่าธุรกิจขายตรง หรือ ที่เรียกว่า MLM จะมีความแตกต่างกันอยู่บ้าง ซึ่งลักษณะของธุรกิจแชร์ลูกโซ่จะเป็นดังนี้คือ ธุรกิจแชร์ลูกโซ่นั้นจะเป็นการที่ผู้ทำธุรกิจอ้างว่าจะสร้างธุรกิจนึงที่จะได้รายได้หรือผลตอบแทนที่สูง เช่นลงทุนซื้อน้ำมันถูก ลงทุนซื้อโทรศัพท์ถูก ร่วมลงเงินซื้อตั๋วเครื่องบิน เพื่อเป็นการล่อให้มีผู้มาลงทุนจำนวนมาก ซึ่งธุรกิจส่วนนั้นอาจจะไม่ได้ดำเนินการอย่างที่กล่าวอ้างเลย และจะพยายามชักชวนให้สมาชิกนั้นไป “ชวนคนอื่น” ต่อตัวเองอีกที ให้มาลงเงินและจะจ่ายค่าตอบแทนที่สูงมากจากการหาสมาชิกใหม่ ซึ่งตรงนี้จะสังเกตว่าธุรกิจแชร์ลูกโซ่นั้น หัวแถวที่เป็นคนต้นคิดและคนที่มาลงทุนแรกๆ นั้นจะได้รายได้จากผู้ที่มาลงเงินต่อๆไปและเอามาแบ่งกัน ซึ่งกลายเป็นว่าอัตราส่วนของรายได้จากธุรกิจนี้ ไม่ได้มาจากผลตอบแทนของการดำเนินธุรกิจจริง (Real sector) แต่มาจากเงินของสมาชิกใหม่ๆ ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นบ่อยๆคือ เมื่อไม่มีสมาชิกใหม่ๆหรือธุรกิจไม่สามารถหมุนเงินได้ทัน หัวคิวก็จะทิ้งธุรกิจและหนีไปทำให้หางคิวสุดท้ายมีเงินลงทุนที่สูญเปล่า ทำให้ธุรกิจแชร์ลูกโซ่นั้นมีความเสี่ยงสูงมาก

ธุรกิจขายตรงหรือ MLM


ธุรกิจขายตรงนั้นจะมีความคล้ายคลึงกับขบวนการแชร์ลูกโซ่มากแต่ก็มีความเแตกต่างอยู่บ้างตรงที่ ธุรกิจขายตรงนั้นจะมีการดำเนินธุรกิจจริงๆมีการขายของมีสินค้าทำให้มีกำไรจากสินค้าเพื่อการอุปโภคบริโภค แต่ก็ยังมีลักษณะของลำดับขั้นที่ผู้มาก่อนจะได้รับเงินหัวคิวจากการหาสมาชิกใหม่ๆ ซึ่งเท่ากับว่าธุรกิจแบบนี้นั้นมีการก่อเกิดมูลค่า เพียงแต่ว่าอัตราส่วนมูลค่านั้นจะเกิดมาจากการขายสินค้าอุปโภคบริโภคจริงๆ เทียบกับรายได้จากการหาสมาชิกนั้นมีอัตราส่วนอยู่ที่เท่าไหร่ ซึ่งมันทำให้ธุรกิจแบบนี้นั้นกลายเป็นธุรกิจสีเทาที่มีการถกเถียงกันว่ามันถูกหรือผิด และตราบใดที่ธุรกิจมีรายได้จากการขายสินค้าจริงๆและไม่มีการหนีไปมันก็ยังไม่จัดเข้าข่ายว่าเป็นแชร์ลูกโซ่

แล้วเงินดิจิตอลที่ถูกกล่าวหาเป็น MLM หรือแชร์ลูกโซ่

ขอบคุณรูปภาพจาก http://www.thaifranchisecenter.com/
ถ้าผู้อ่านสงสัยว่าเงินดิจิตอลที่ออกข่าวนั้นเป็นแชร์ลูกโซ่หรือ MLM ถ้ามองผ่านจะพบว่าเงินดิจิตอลนั้นอาจจะมีการนำไปใช้ซื้อสินค้าหรือบริการได้จริงบ้างทำให้มันเข้าข่าย MLM ซึ่งเราต้องดูว่าอัตราส่วนรายได้ของธุรกิจนั้นอยู่ที่ไหนมากกว่ากันซึ่งถ้ามันได้รายได้จากสมาชิกมากกว่ามันอาจจะเข้าข่ายแชร์ลูกโซ่บ้าง การซื้อสินค้าและบริการได้จริงนั้นสามารถเกิดขึ้นได้ เช่น ระบบการใช้จ่ายของ Alipay เป็นต้น แต่อย่างไรก็ตาม Alipay ก็ไม่ใด้รันอยู่บนระบบ blockchain เช่นกัน

เงินดิจิตอลที่ถูกกล่าวว่าเป็นแชร์ลูกโซ่นั้นมีอันตรายอย่างอื่นอยู่

ที่จริงแล้วการที่เงินดิจิตอลจะเป็นแชร์ลูกโซ่หรือเป็น MLM นั้นอาจจะขึ้นกับมุมมองของคนแต่มันมีประเด็นอีกสองสามอย่างที่ร้ายแรงและอันตรายกว่าการที่มันจะเป็นแชร์ลูกโซ่หรือไม่เป็นมาก

ปัญหาที่เคยกับเงินดิจิตอลในอดีต

เงินดิจิตอลในอดีตก่อนที่จะมี Bitcoin มีเงินดิจิตอลมากมายเกิดขึ้นมากมาย แต่ก็ดับไปเพราะแก้ปัญหาเรื่อง Double spending หรือการใช้ซ้ำสองครั้งไม่ได้ เพราะเนื่องจากเงินดิจิตอลนั้นเป็นเพียงข้อมูลตัวเลขทำให้มันง่ายต่อการปลอมแปลง เหมือนกับว่าวันนี้ผมมีเงินอยู่ 20 บาทในมือ อยู่ๆมีคนก็อปปี้เงินของผมไปใช้ ทำให้ต้องมานั่งเสาะหากันว่าใครเป็นคนทำ ทำให้เงินดิจิตอลในอดีตล้มตายไป

การกล่าวอ้างว่ามีระบบ Blockchain

เงินดิจิตอลที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นแชร์ลูกโซ่นั้นจะอ้างว่ามีการใช้ระบบ Blockchain ที่ Bitcoin ใช้ในการแก้ไขเรื่อง Double spending ในข้างต้น แต่ก็มีข่าวออกมามากมายว่ามันไม่ได้ใช้ระบบ Blockchain ซึ่งเงินดิจิตอลที่โดนกล่าวหาว่าเป็นแชร์ลูกโซ่นั้นจะอ้างว่าตัวเองนั้นใช้ Private Blockchain ซึ่งก็ไม่มีใครทราบว่ามันมีจริงๆหรือเปล่า

สำหรับใครที่ยังไม่เข้าใจเรื่องระบบ Blockchain จะขออธิบายก่อนว่าระบบ Blockchain นั้นเป็นเทคโนโลยีเบื้องหลังเงินดิจิตอลแทบทุกสกุล ซึ่งระบบ Blockchain นี้จะมาแก้ไขปัญหาข้างต้นโดยการเก็บข้อมูลการโอนเป็นบล๊อคๆและจะเก็บข้อมูลการทำธุรกรรมตั้งแต่วันแรกจนปัจจุบันไว้ในคอมพิวเตอร์หลายๆเครื่อง ซึ่งทำหน้าที่เป็น Node โดยใช้miner ในการช่วยยืนยันtransaction ซึ่งหากมีเครื่องใดปลอมแปลงข้อมูลจะทำให้มันถูกตรวจสอบได้ หากว่ามีคนคิดจะปลอมแปลงข้อมูลคอมพิวเตอร์เครื่องอื่นจะตรวจจับได้ทันที และถ้าเงินดิจิตอลนั้นไม่มี Blockchain จะทำให้เงินดิจิตอลนั้นเสี่ยงต่อการปลอมแปลงข้อมูลหรือเสกเงินเข้าไปในระบบทำให้ค่าเงินมันตกหรือให้มีมูลค่าเพิ่มขึ้นได้ตามความต้องการของผู้ก่อตั้งเหรียญ เพื่อดึงดูดนักลงทุนหน้าใหม่เข้ามา

ไม่มี BlockExplorer

เงินดิจิตอลที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นแชร์ลูกโซ่นั้นมักจะอ้างว่ามีระบบ Blockchain แต่ว่าไม่เคยมีการเปิดเผย Block explorer ซึ่ง Block explorer คือบัญชีสาธารณะที่มีอยู่ในเงินดิจิตอลปกติแทบทุกตัว โดยมันคือหน้าเวปไซติตัวนึงที่อนุญาติให้คนเข้ามาดูธุรกรรมต่างๆอย่างอิสระทำให้เราเห็นได้ว่าเงินในระบบมีการหมุนเวียนไปที่ไหนบ้าง ซึ่งมันทำขึ้นมาเพื่อให้ผู้ที่มา Buy นั้นเกิดความน่าเชื่อถือและความโปร่งใสว่าเงินแต่ละจุดมีที่มาที่ไปยังไง ยกตัวอย่างเช่น เวปไซต์ Blockchain.info ซึ่งถ้าไม่มี Block explorer จะทำให้ผู้ที่มาลงทุนไม่สามารถรู้เลยว่าตอนนี้มีเงินในระบบจริงๆเท่าไหร่ มีการโอนมีการใช้งาน เงินไม่ได้มีการถูกปลอมแปล ไม่ได้มีการเสกเงินเข้าระบบ ทำให้เงินดินจิตอลที่ถูกกล่าวหามีอันตรายมาก
หากใครนึกภาพไม่ออกให้ลองคิดถึงว่า หากคุณคิดถึงราคาผลไม้ในตลาดที่จะผันผวนตามอุปสงค์ (Demand) และอุปทาน (Supply) โดยเฉพาะความต้องการของผู้บริโภคที่เป็นปัจจัยสำคัญในการกำหนดราคาตลาด Blockexplorer จะเป็นตัวที่บอกว่าผลไม้มีจำนวนเท่าไหร่อยู่ที่ใครบ้าง ซึ่งหากการเสกผลไม้เข้าระบบจำนวนมาก สิ่งที่เกิดขึ้นคือราคาผลไม้นั้นก็จะลดลงจนอาจจะไม่เหลืออะไร หรือมีความต้องการ (Volume) มากน้อยเท่าไหร่เนื่องจากหน้าเวปของเงินดิจิตอลที่ถูกกล่าวหาสามารถสร้างตัวเลขผู้ใช้และจำนวนการซื้อขายได้ตามอำเภอใจ
เนื่องจากเงินดิจิตอลนั้นไม่มีผู้รับรองอย่างธนาคารหรือรัฐบาล จึงต้องมีการเปิดเผยข้อมูลการ Source code ที่สร้างระบบเพื่อให้คนสามารถเข้ามาดูว่ามันทำงานอย่างถูกต้องและเป็นไปตาม Whitepaper ที่กล่าวอ้าง ซึ่งเงินดิจิตอลที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นแชร์ลูกโซ่นั้นไม่ได้มีการเปิดเผย Source code เลยทำให้เราไม่สามารถรู้ได้ว่ามันทำงานตามที่ Whitepaper กล่าวอ้างจริงหรือเปล่า มันก็เหมือนกับว่าคุณจะซื้อบ้านคนขายบอกว่าข้างในมีฟอร์นิเจอร์มีทีวีมีห้องน้ำมีห้องนอน แต่กลับบอกว่าคุณไม่สามารถเห็นบ้านตัวจริงหรือสิ่งที่อยู่ข้างในได้ ทำให้ความน่าเชื่อถือมันต่ำมาก
อย่างไรก็ตามเงินดิจิตอลที่ถูกกล่าวหาอาจจะมีแผนในการดำเนินธุรกิจในปีหน้าถึงสองปีว่าจะเข้าตลาดหลักทรัพย์ มีการเชื่อมต่อกับเวป e-commerce รายใหญ่ของโลก จะเข้าตลาด Forex มีแผนในการขยายร้านค้าที่ซื้อและขายสินค้าได้ด้วยเงินดิจิตอลนั้นเป็นจำนวนมาก ซึ่งปัจจุบันสามารถซื้อขายได้จริง แต่ประเด็นที่สำคัญอยู่ที่นักลงทุนไม่สามารถตรวจสอบได้ว่าผู้ก่อตั้งเงินดิจิตอลดังกล่าวนำเงินไปใช้อะไรบ้าง แล้วผู้ก่อตั้งนั้นมีความน่าเชื่อถือมากน้อยแค่ไหนในเมื่อผู้ก่อตั้งไม่ได้อยู่ในประเทศไทย และหากไม่ได้รับเงินตามที่สัญญาไว้จะสามารถร้องเรียนนำเงินคืนได้อย่างไรซึ่งมีความเป็นไปได้สูงว่านักลงทุนจะไม่ได้เงินกลับมาหากมีเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น แต่ด้วยจำนวนผลตอบแทนที่สูงมากหลายเท่าถึงหลายสิบเท่า ทำให้ตรรกะในการลงทุนของผู้มีความรู้ความสามารถนั้นถูกบิดเบือนไปและมีเป้าหมายอย่างเดียวคือความฝันว่าจะได้เงินในอนาคต โดยไม่สนวิธีการใดๆ แม้ว่าจะต้องแลกมากับการไปหลอกลวงคนอื่นก็ตาม

สรุป

จริงๆแล้วประเด็นที่ว่าธุรกิจเงินดิจิตอลที่ถูกกล่าวหานั้นเนื้อแท้จะเป็นแชร์ลูกโซ่หรือไม่มันไม่ได้เป็นเรื่องหลักเลย ประเด็นที่สำคัญคือเทคโนโลยีเบื้องหลังมันมีจริงหรือเปล่า ซึ่งถ้าไม่มีเท่ากับว่าเจ้าของธุรกิจจะสามารถปั่นราคาทำให้สูงหรือต่ำได้ตามใจชอบ ทำให้ผลเสียจะตกอยู่กับผู้ลงทุน เนื่องจากเทคโนโลยีบล็อคเชน (Blockchain) ยังเป็นเรื่องใหม่สำหรับสังคมไทย รวมถึงการเข้าถึงเทคโลโนยีและความรู้ความเข้าใจดังกล่าวยังมีขีดจำกัดในทุกสาขาอาชีพและวัย จึงทำให้ผู้ฉวยโอกาสนำกระแสของเงินดิจิทัลมาใช้ในการหลอกลวงผู้บริโภครวมถึงใช้หลักการตลาด MLM ตรวจสอบยาก และให้ผลตอบแทนสูง จึงทำให้เกิดการขยายเครือข่ายได้อย่างรวดเร็ว ผู้ที่ลงทุนไปแล้วได้ผลตอบแทนจากการชักชวนรายใหม่เข้ามาในเครือข่ายซึ่งผู้ลงทุนควรจะศึกษาให้ดีว่าสกุลเงิน cryptocurrency ของแท้นั้นเป็นอย่างไร
ขอขอบคุณข้อมูลเพิ่มเติมจาก Dr.Ming
ภาพกับดักจาก the-ken.com
cr. siamblockchain.com

ไม่มีความคิดเห็น